สพฐ. ร่วมรับฟังการแถลงผลงาน “โรงเรียนต้นแบบก้าวตามพ่อ” ปีที่ 3

แชร์เนื้อหานี้


วันที่ 5 ตุลาคม 2563 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) ร่วมรับฟังการแถลงรายงานผลการดำเนินงาน “โรงเรียนต้นแบบก้าวตามพ่อ” ปีที่ 3 ซึ่งจัดโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อแก้ปัญหาเหล้าบุหรี่ ปกป้องเด็กให้ปลอดอบายมุข พร้อมน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพัฒนาเด็กเป็นคนเก่งและคนดี โดยมี นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานแถลงผลงาน พร้อมด้วยนายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการเครือข่ายงดเหล้า ผู้แทนจาก สสส. และนักเรียนจากโรงเรียนต้นแบบก้าวตามพ่อทั้ง 12 แห่ง เข้าร่วมจำนวน 200 คน ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ
.
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานแถลงผลงาน กล่าวว่า รู้สึกยินดีและประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นโรงเรียนได้แสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการน้อมนำคำสอนของพระองค์มาสู่การปฏิบัติ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยที่นำไปสู่การเป็นคนดี มีศีลธรรม พึ่งตนเองได้ ปลอดอบายมุข และได้นำผลจากการทำดีนั้น น้อมถวายเป็นพระราชสักการะ โดยน้อมนำคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติเป็นก้าวที่ 2 คือ “สร้างความดีที่ตน ด้วยทศพิธราชธรรม สร้างอาหารให้เราและโลกด้วย โคก หนอง นา โมเดล” ซึ่งภาพรวมการขับเคลื่อนโรงเรียนคำพ่อสอนนั้น ตรงตามพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ที่มุ่งสร้างพื้นฐานให้แก่นักเรียน 4 ด้าน คือ มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง-มีคุณธรรม มีงานทำ-มีอาชีพ และการเป็นพลเมืองดี

ทางด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า จากการที่โรงเรียนต้นแบบก้าวตามพ่อ ซึ่งได้ดำเนินงานในรูปแบบโรงเรียนคำพ่อสอน จำนวน 12 แห่ง ได้น้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ใน 3 ข้อ ได้แก่ 1.ให้ครูรักเด็กและให้เด็กรักครู 2.ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อน ไม่ให้แข่งขันกันแต่ให้แข่งขันกับตัวเอง ให้เด็กที่เรียนเก่งกว่าสอนเด็กช่วยสอนเพื่อที่เรียนช้ากว่า และ 3.ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนทำร่วมกันเพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี จะทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดีมีศีลธรรมจริยธรรม เป็นคนเก่งและคนดีไปพร้อมกัน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านการศึกษาที่นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เน้นย้ำให้พัฒนาการศึกษาเป็นสำคัญ เพราะเด็กและเยาวชนในวันนี้คือกำลังขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศต่อไปในภายภาคหน้า

ขณะที่ ผศ.ดร.วิไลลักษณ์ ลังกา คณะศึกษาศาสตร์ มศว. ได้นำเสนอผลการวิจัยเรื่องการสังเคราะห์องค์ความรู้กระบวนการพัฒนาครูผ่านโรงเรียนคำพ่อสอนที่ส่งผลต่อสมรรถนะการเรียนรู้ และพฤติกรรมการปกป้องตนเองจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสารเสพติด โดยใช้โมเดลเชิงเหตุปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการปกป้องตนเองจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสารเสพติดของนักเรียน พบว่า กระบวนการเรียนรู้ตามแนวทางโรงเรียนคำพ่อสอน คือ การปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของครูให้สามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียน ได้แก่ ทักษะการแสดงความรัก ทักษะการฟังอย่างเข้าใจ ทักษะด้านจิตตะศึกษา ทักษะการถามเพื่อการเรียนรู้ เป็นต้น ซึ่งผลการวิจัยพบว่า ทำให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อโครงการในระดับคะแนน 4.57 จาก 5 และเกิดความตระหนักรู้ในโทษของแอลกอฮอล์ บุหรี่ สารเสพติด ในระดับ 3.83 จาก 4 จนเกิดเป็นพฤติกรรมการปกป้องตนเองได้ ในระดับ 3.45 จาก 4 รวมทั้งได้ติดตามสอบถามเชิงคุณภาพในสถานศึกษาแล้วพบว่าความสัมพันธ์ของครูกับนักเรียนดีมาก ผลการเรียนดีขึ้น และชุมชนมีความพอใจ ซึ่งการปรับคุณลักษณะของครูคือคำตอบในการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งโครงการนี้เอาปัญหาปัจจัยเสี่ยงมาเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาการศึกษาในโรงเรียนได้สำเร็จ

เช่นเดียวกับ นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการเครือข่ายงดเหล้า ที่กล่าวว่า โครงการจะดำเนินการพัฒนาต้นแบบ และขยายผลเป็นพื้นที่เรียนรู้สำหรับสถานศึกษาที่สนใจอยากปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะจากกระแสข่าวที่พบว่าครูใช้ความรุนแรงกับนักเรียน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะทิศทางการศึกษาของเราเน้นไปที่ความสำเร็จและผลการเรียน มากกว่าจะเน้นการสร้างความสัมพันธ์ และการแก้ปัญหาความเสี่ยงของนักเรียน เช่น ในครอบครัวที่มีผู้ดื่มแอลกอฮอล์ทำให้นักเรียนไม่มีความสุข แต่โรงเรียนสามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับนักเรียนได้